ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยต้องเผชิญ ส่งผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพของประชาชน ทำให้กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมากำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลังสถานการณ์ค่าฝุ่นเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ในหลายจังหวัดพบมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน (เกิน 51 มคก./ลบ.ม. ต่อเนื่องเกิน 3 วัน) ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา พิษณุโลก สุโขทัย นครสวรรค์ อุทัยธานี นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง สระแก้ว ขอนแก่น และ กทม. ทำให้กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งให้แต่ละจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน พิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center : PHEOC) เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ
โดยขณะนี้จังหวัดสมุทรสงคราม ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ แล้วเป็นจังหวัดเเรก ส่วนอีก 23 จังหวัด อยู่ระหว่างเฝ้าระวังสถานการณ์และเตรียมเปิดศูนย์ปฏิบัติการ
ขณะเดียวกันจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37.6-50 มคก./ลบ.ม. ให้เปิดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ (OC) ระดับจังหวัดรองรับ รวมถึงให้เร่งรัดสื่อสารความรู้แก่ประชาชน ในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 แจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ
จากข้อมูลจากระบบรายงานสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 24 มกราคม 2566 พบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ รวม 212,674 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 96,109 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคตาอักเสบ
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่จากแอปพลิเคชัน Air4Thai ลดกิจกรรม/การออกกำลังกายกลางแจ้ง หากต้องอยู่ในพื้นที่ค่าฝุ่นสูง ควรใส่หน้ากากชนิด N95 และไม่ควรอยู่เป็นเวลานาน สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ ส่วนอาการที่เกิดจากผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 อาทิ แสบตา แสบจมูก อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดศีรษะ อาเจียน ระคายเคืองผิวหนัง ซึ่งหากอาการไม่ทุเลาควรไปพบแพทย์