รางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก 3 ร้าน PRU (พรุ) จ.ภูเก็ต/ร้านจำปา จ.ภูเก็ต/ร้าน Haoma กรุงเทพฯ

มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย 2566 ประกาศผล รางวัล MICHELIN Green Star ร้านอาหารซึ่งใส่ใจในสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และ เปิดทางให้กับวิถีการกินอย่างยั่งยืน มีด้วยกันทั้งหมด 3 ร้าน ได้แก่ PRU, Jampa และ Haoma

     PRU รางวัลมิชลินรักษ์โลก 3 ปีซ้อน

     PRU หรือชื่อไทย พรุ คือร้านอาหารจากจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นร้านแรกในประเทศไทยที่สามารถคว้ารางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก มาครองได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการประกาศรางวัลนี้ และก็สามารถรักษาดาวสีเขียวได้ต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน

     โดยร้านพรุไม่ได้เน้นแค่รสชาติที่มีต้นกำเนิดจากวัตถุดิบในท้องถิ่น ทว่ายังรักษาความสมดุลระหว่างวัตถุดิบ รสชาติตามปรัชญาที่ว่า “ปลูก-ดูแล-เข้าใจ” โดยทางร้านได้คัดสรรวัตถุดิบจากเกษตรกรทั่วภูมิภาค ทั้งพังงา นครพนม และจาก “พรุจำปา” ฟาร์มออร์แกนิกบนเนื้อที่กว่า 600 ไร่ของร้าน

     มี เชฟจิมมี่ โอฟอร์สต์ (Jimmy Ophorst) เชฟชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้ดูแลการปรุงอาหารทุกขั้นตอน รวมถึงการตกแต่งจานอย่างประณีตเติมเต็มความประทับใจให้มื้อของคุณด้วยวัตถุดิบชั้นยอดที่คัดสรรมาจากหลายแหล่ง รวมไปถึงอาหารทะเลที่โด่งดังของท้องถิ่น คือ ล็อบสเตอร์ภูเก็ต

     Jampa น้องใหม่ที่เน้นขยะเป็นศูนย์

     Jampa หรือชื่อไทย จำปา ร้านอาหารน้องใหม่ในเครือของร้านพรุ จังหวัดภูเก็ต ที่ตั้งชื่อตามหมู่บ้านพรุจำปา และดอกไม้หอมประจำถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ โดยมี เชฟ Rick Dingen เป็นหัวหน้าเชฟบรรจงสร้างสรรค์เมนูยุโรปร่วมสมัยโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนของธรรมชาติ

     โดยที่จำปายึดคอนเซปต์ Zero Waste หมายถึง ขยะต้องเป็นศูนย์ เป็นวิถีการครัวที่พยายามใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบให้ได้มากที่สุดเพื่อไม่ให้เหลือทิ้ง เมนูแนะนำคือ Whole Spring Chicken ไก่ย่างเตาถ่านที่เนื้อนุ่มหอมแต่หนังกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสบาร์บีคิวโฮมเมด ส่วนคอเครื่องดื่มอย่าลืมสั่งค็อกเทลแบบแอลกอฮอล์ต่ำ (low ABV) ที่พิเศษด้วยการใช้วัตถุดิบที่ปลูกอยู่ไม่ไกลจากร้าน

     HAOMA ร้านอาหารอินเดียที่ไม่ทิ้งวัตถุดิบใด ๆ

     ร้านอาหารอินเดียโมเดิร์นที่ปีนี้นอกจากจะได้รางวัลความยั่งยืนแล้วก็ยังได้ดาวมิชลิน 1 ดาวไปครองเป็นครั้งแรก เรียกว่า เป็นดาวรุ่งวงการร้านอาหารที่น่าจับตามอง ทั้งนี้ ในภาษาเปอร์เซียน Haoma หมายถึงต้นฮอลลี และที่ Haoma กรุงเทพฯ นี้ได้ปลูกผักเกือบ 40 ชนิด ไว้ใช้เอง ทั้งยังมีระบบรองน้ำฝนไว้สำหรับรดน้ำผัก ตามคอนเซปต์ของร้านที่ว่า We grow what we cook, We cook what we love

     โดยทางร้านเน้นเรื่องความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อธรรมชาติ ที่นี่จึงไม่มีการทิ้งวัตถุดิบใด ๆ เลย ด้านเมนูมีให้เลือกทั้ง Tasting menu ตามฤดูกาล À la carte และเมนูมังสวิรัติ ทุกจานปรุงรส และเผยเสน่ห์ของเครื่องเทศสไตล์อินเดียที่จับคู่กับไวน์และมี Sommelier ผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ

 


ความคิดเห็น

สงวนลิขสิทธิ์ 2022 โดย กรมประชาสัมพันธ์
สถิติการเข้าชม : 69,283,471