คู่มือการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ

           จากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศในการเพิ่มความสามารถการแข่งขัน เพิ่มการจ้างงาน และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามายังพื้นที่ตอนในประเทศ รวมทั้งปัญหาการลักลอบนําเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน และปัญหาความแออัดบริเวณด่านชายแดน ตลอดจนการส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่สำคัญรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) จึงจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นรวม 10 พื้นที่ ได้แก่ ตาก สระแก้ว ตราด มุกดาหาร สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส ซึ่งนับเป็นกลไกทางเศรษฐกิจยุคใหม่ที่หลายประเทศนำมาใช้สร้างความน่าสนใจ และดึงดูดการลงทุนจากผู้ลงทุนต่างชาติ จากตรงผู้สนใจลงทุนในกิจการอาจสงสัยว่าแล้วเครื่องมือการส่งเสริมกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของประเทศไทย จะมีมาตรการอะไรบ้าง คู่มือฉบับนี้จะทำให้เข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เพื่อไม่พลาดการลงทุนขยายกิจการให้เติบโตมีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อไป 

มาตรการส่งเสริมการลงทุน และสิทธิประโยชน์

1. มาตรการทางภาษี 

  • กรณีกิจการเป้าหมาย ยกเว้นภาษีเงินนิติบุคคล 8 ปี และลดหย่อน 50% อีก 5 ปี
  • กรณีกิจการทั่วไป แบ่งเป็น 
    - กลุ่ม A1-A2 ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มอีก 5 ปี
    - กลุ่ม A3-A4 และ B ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 3 ปี 
  • ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร
  • ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบผลิตเพื่อส่งออก 5 ปี
  • หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และประปา 2 เท่าของค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นระยะเวลา 10 ปี
  • สามารถหักเงินลงทุนจากการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก 25% ของเงินลงทุน นอกเหนือจากหักค่าเสื่อมราคาตามปกติ

2. มาตรการมิใช่ภาษี 

  • การถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม
  • การนำเข้าผู้เชี่ยวชาญต่างชาติได้
  • อนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ
  • มีการฝึกอบรมแรงงานไทยและต่างด้าว 

หลักเกณฑ์การขออนุญาตโครงการ

  • เป็นโครงการที่มีประเภทกิจการให้การส่งเสริมอยู่ขณะยื่นเรื่อง และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามประเภทกิจการ
  • มีเงินทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและเงินทุนหมุนเวียน)
  • ต้องใช้กรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย
  • ลงทุนเครื่องจักรใหม่ทั้งสายการผลิต
  • มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3 ต่อ 1 ในโครงการริเริ่ม ส่วนโครงการขยายพิจารณารายกรณี
  • ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้ ยกเว้นกิจการเกษตร กิจการอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน กิจการตัดโลหะ ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 10% ของรายได้
  • มีมาตรการป้องกัน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • กรณี SMEs ผ่อนเงื่อนไขเงินลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท 

กลุ่มกิจการเป้าหมาย 13 ประเภท ได้แก่

1. อุตสาหกรรมการเกษตรประมง และกิจการที่เกี่ยวข้อง
2. เซรามิก 
3. อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเรื่องหนัง
4. อุตสาหกรรมผลิตเครื่องเรือน
5. อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
6. การผลิตเครื่องมือแพทย์
7. อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรและชิ้นส่วน
8. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
9. การผลิตพลาสติก
10. การผลิตยา
11. กิจการโลจิสติกส์
12. นิคมหรือเขตอุตสาหกรรม
13. กิจการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว  

ประเภทกิจการเป้าหมายที่ประกาศเพิ่ม 10 กิจการ ได้แก่ 

1. กิจการอบพืชและไซโล
2. กิจการผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้หรือเศษวัสดุทางการเกษตร
3. กิจการผลิตโครงสร้างโลหะสำหรับงานก่อสร้างหรืออุตสาหกรรม
4. กิจการผลิตสิ่งพิมพ์ทั่วไป
5. กิจการผลิตอาหารสัตว์หรือส่วนผสมอาหารสัตว์
6. กิจการผลิตวัสดุก่อสร้าง และกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค
7. กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย เช่น สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน และเครื่องสำอาง
8. กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค เช่น บรรจุพลาสติก
9. กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ เช่น กล่องกระดาษ
10. กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและหรือคลังสินค้า  

อัตราค่าเช่าและธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ แบ่งเป็น 2 โซน ดังนี้

1. ตราด สระแก้ว ตราด  และสงขลา

  • อัตราค่าเช่า : ระยะเวลาการเช่า 50 ปี และอาจต่อได้อีก 50 ปี ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปรับขึ้นร้อยละ 15 ทุก 5 ปี)
    - ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า :  ผ่อนชำระ 5 ปี โดยจ่ายปีที่ 6 - 10

2. นครพนม หนองคาย มุกดาหาร และกาญจนบุรี

  • อัตราค่าเช่า : เช่า 50 ปี และอาจต่อได้อีก 50 ปี ค่าเช่า/ไร่/ปี (ปรับขึ้นร้อยละ 9 ทุก 3 ปี)
    - ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า : ผ่อนชำระ 5 ปี โดยจ่ายปีที่ 6 - 10

สำหรับการลงทุนภาพรวมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ณ เดือนพฤศจิกายน 2565 มีมูลค่า 38,895.57 ล้านบาท ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอจำนวน 73 โครงการ วงเงิน 18,495 ล้านบาท จากโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด 106 โครงการ วงเงิน 29,036 ล้านบาท 

การยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน

1. ช่องทางการยื่นคำขอ

  • ผ่านระบบการยื่นคำขอ Online :  www.boi.go.th ระบบ E-Investment สำหรับคำขอตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนปกติ
  • ยื่นเป็นเอกสารที่สำนักงาน/ระบบงานรับส่งเอกสารออนไลน์ (E-Submission) สำหรับมาตรการหรือนโยบายพิเศษต่าง ๆ 
  • One Start One Stop Investment Center : OSOS  

2.เอกสารประกอบการยื่นคำขอ : 

2.1 แบบคำขอรับการส่งเสริม จำนวน 2 ชุด

กรณียื่นคำขอในนามบุคคลธรรมดา : แสดงบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทางของผู้ขอรับการส่งเสริม

กรณียื่นคำขอในนามนิติบุคคล :

    • สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลฉบับล่าสุด มีอายุไม่เกิน 6 เดือน
    • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นฉบับล่าสุด (บอจ.5) หรือรายงานการกระจายการถือหุ้น
    • สำเนางบการเงินปีล่าสุด (ถ้ามี)

กรณีมีการมอบอำนาจ : 

  • หนังสือมอบอำนาจที่ติดอากรแสตมป์แล้ว
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้มอบอำนาจพร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
  • แสดงบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทางของผู้รับมอบอำนาจ

สถานที่ติดต่อ : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 555 ถนน วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทรศัพท์ : 0 2553 8111 โทรสาร : 0 2553 8315
อีเมล :   

สอบถามข้อมูล head@boi.go.th
สารบรรณกลาง saraban@boi.go.th 

ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 555
เบอร์โทรศัพท์ : 02-553-8111


ความคิดเห็น

สงวนลิขสิทธิ์ 2022 โดย กรมประชาสัมพันธ์
สถิติการเข้าชม : 69,288,895